หากย้อนไปเมื่อสมัยทีมชาติเยอร์มันในชุดที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักในปี 2013 คงไม่มีใครคาดว่ากองกลางตัวรุกอย่างเมซุส โอซิล จะย้ายมาสู่ทีมอาร์เซน่อลที่อยู่ในช่วงโรยราและมาได้คว้าแชมป์ใดๆ มาหลายปีแล้ว แต่ทว่าหลังจากที่นักเตะเจ้าของค่าตัว 50 ล้านยูโรได้ย้ายมาสู่ถิ่นเอมิเรตสเตเดี้ยมแล้ว เขากลับต้องเจอฝันร้ายที่เขามักจะโดนอาการบาดเจ็บและปัญหาความฟิตมาเล่นงานเขาเสมอจนสุดท้ายจะกลายเป็นตัวสำรองเสียส่วนใหญ่ในช่วงหลัง

โอซิล จะโชว์ฟอร์มเก่งพาทีมของอาแซง แวงเกอร์คว้าแชมป์ถ้วยเก่าแก่ของประเทศอังกฤษได้อีกในฤดูกาล 2014/2015

ในช่วงฤดูกาลแรกของโอซิลนั้น เจ้าตัวได้สร้างความแตกต่างให้กับทีมปืนใหญ่ทันที โดยช่วงท้ายฤดูกาลที่เขาสามารถลงมาเปลี่ยนเกมได้เสมอ รวมถึงพาทีมเอาชนะฮัลล์ ซิตี้ในรองชิงชนะเลิศรายการเอฟเอคัพพร้อมคว้าถ้วยแรกกับอาร์เซน่อลหลังจากที่สโมสรไร้แชมป์มานานถึง 9 ปีด้วยกัน ก่อนที่โอซิลจะโชว์ฟอร์มเก่งพาทีมของอาแซง แวงเกอร์คว้าแชมป์ถ้วยเก่าแก่ของประเทศอังกฤษได้อีกในฤดูกาล 2014/2015 เป็นปีที่สองติดต่อกัน

เรื่องราวที่เริ่มก้าวสู่ขาลงของโอซิลก็เกิดขึ้นหลังจากเขาต่อสัญญากับสโมสรอาร์เซน่อลออกไปถึงปี 2021 เจ้าตัวก็เริ่มพบกับอาการบาดเจ็บจนมาตรฐานการเล่นตกลงไป พร้อมทั้งปัญหากับผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างอูไน เอมเมอรี่ที่ไม่ส่งกองกลางดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลกลงสนาม อีกทั้งโอซิลยังเจอปัญหาถูกโจรปล้นนอกสนามจนทำให้ฤดูกาล 2019/2020 เจ้าตัวได้ลงเล่นเพียง 23 นัดและทำได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น

แม้ว่าปัจจุบันจะกลายเป็นเมซุสโอซิลที่ยังอยู่กับทีมอาร์เซน่อล ผิดกับอูไน เอมเมอรี่ที่ถูกปลดกลางฤดูกาลจนได้มิเกล อาร์เตต้าอดีตเพื่อนร่วมทีมที่กลายเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเจ้าตัว ถึงแม้ว่าความฟิตของกองกลางชาวเยอรมันจะถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ แต่คาดกันว่ากุนซือชาวสเปนน่าจะเข้าใจโอซิลมากกว่าผู้จัดการคนอื่นๆ ที่เคยผ่านมา