สุพรรณ ทองสงค์ การกลับมาอีกครั้ง ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ชื่อของเจ้าเชน สุพรรณ ทองสงค์ กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในหมู่ของแฟนบอลชาวไทย หลังจากได้รับโอกาสติดทีมชาติครั้งแรกในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช หลังเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับสุพรรณบุรี เอฟซี สโมสรบ้านเกิด ถึงแม้กุนซือชาวเซอร์เบีย จะถูกปลดออกจากตำแหน่งไป แต่โค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือรักษาการณ์ในเวลานั้น ก็เชื่อใจ ส่งเจ้าตัวลงสนามเป็นตัวจริงในนามทีมชาติไทยชุดใหญ่ เป็นนัดแรก ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบแทนไว้ใจได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมเอาชนะทีมชาติบาห์เรนไปด้วยสกอร์ 1-0 และนับตั้งแต่นั้นมา สุพรรณ ทองสงค์ ก็กลายเป็นกองหลังตัวหลักของทีมชาติไทยไปโดยปริยาย

แต่อย่างไรก็ตามในรายการการแข่งขันฟุตบอล คิงศ์คัพ ช่วงเดือนมิถุนายน 2019 สุพรรณ ทองสงค์ ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในเกมที่พบกับทีมชาติอินเดีย จะผลการตรวจอย่างละเอียด พบว่าเอ็นไขว้หลังซ้ายบริเวณแข้งซ้ายของเจ้าตัวฉีกขาดและเสียหายอย่างหนัก ส่งผลให้ต้องพักยาวเป็นเวลา 6 เดือนกันเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บ ก็ตรงกับช่วงที่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชของทีมชาติไทยพอดี ทำให้ชื่อของ สุพรรณ ทองสงค์ หลุดออกสารบบทีมชาติไทยในยุคของ อากิระ นิชิโนะ ไปอย่างน่าเสียดาย

ล่าสุดในปี 2020 สุพรรณ ทองสงค์ สลัดอาการบาดเจ็บ และกลับมาลงสนามได้อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลับมาลงรับใช้สโมสรบ้านเกิดอย่าง สุพรรณบุรี เอฟซี ในการคุมเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับการก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกัปตันของทัพช้างศึกยุทธหัตถีอย่างเต็มตัว ลงสนาม 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 เสียไปเพียง 3 ประตูเท่านั้น ทางด้านผลงานส่วนตัวของสุพรรณ ทองสงค์ ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ผลงานของทีม ส่งบอลสำเร็จ 73เปอร์เซ็นต์ เข้าปะทะสำเร็จ 58 เปอร์เซ็นต์ ชนะลูกกลางอากาศ 43 เปอร์เซ็นต์ และเข้าสกัดสำเร็จ 78 เปอร์เซ็นต์ และด้วยอายุอานามเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น ทำให้เจ้าตัวยังสามารถพัฒนาตัวเองได้อีกมาก และถือว่าเป็นช่วงอายุที่ยังไม่เยอะนัก สำหรับนักเตะตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง

จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น ในช่วงเปิดสนามไทยพรีเมียร์ลีก 4 นัดแรก ก่อนที่จะพักการแข่งขันอย่างไม่กำหนด จากภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เป็นโอกาสดีที่ชื่อของ สุพรรณ ทองสงค์ จะหวนกลับสู่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่อีกครั้ง หากโชว์ฟอร์มเด่นได้ต่อเนื่องจนเข้าตาของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือเลือดซามูไร เพราะตอนนี้นอกจาก เจ้าโย่ง พรรษา เหมวิบูลย์ แล้ว ทีมชาติไทยยังขาดปราการตัวกลางที่ไว้ใจได้ มายืนเป็นคู่หูให้กับ พรรษา อีกหนึ่งคนพอดิบพอดี