เพียงหนึ่งสัปดาห์ของการเป็นผู้จัดการทีมให้กับทีมนักฟุตบอลของสโมสรชุดยู -23 ทางสโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ก็ได้แต่งตั้งให้ อันเดรอา ปิร์โล ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมกับนักเตะชุดใหญ่ของสโมสรแทน เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่สโมสรได้แจ้งให้เมาริซิโอพ้นจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่เพิ่งพาทีมไปชนะสโมสรลียองได้ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม โดยสโมสรได้ทำสัญญกับอันเดรอา ปิร์โลเป็นเวลา 2 ปี หรือจนถึงเดือนมิถุนายน 2022 

สโมสรยูเวสตุสได้กล่าวว่าการตัดสินใจแต่งตั้งให้อันเดรอา ปิร์โลเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ เพราะทางสโมสรมีความเชื่อว่าปิร์โลเป็นผู้นำที่มีพรสวรรค์และมีความมุ่งมั่นที่จะไล่ล่าความสำเร็จครั้งใหม่ที่ทางสโมสรได้มอบให้ โดยทางฟาบิโอ ปาราติซี ผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าอันเดรอา ปิร์โลเป็นนักฟุตบอลที่เกิดมาเพื่อสโมสรยูเวนตุส เขาทำผลงานได้ที่ในฐานะนักเตะ และก็มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะทำผลงานได้ดีในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนด้วยเช่นกัน

อันเดรอา ปิร์โล เป็นนักฟุตบอลทีมชาติอิตาลีและมีส่วนร่วมในการพาทีมให้ได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006

อันเดรอา ปิร์โลวัย 41 ปี เป็นนักเตะให้กับสโมสรยูเวนตุสตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2015 โดยย้ายมาจากสโมสรเอซี มิลาน ลงเล่นให้กับสโมสรยูเวนตุสทั้งหมด 164 เกมส์ สามารถช่วยสโมสรคว้าแชมป์กัลโซ่ซีรีย์อาร์ได้ถึง 4 ครั้ง ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก 2 ครั้ง และยูฟ่าคัพ 2 ครั้ง นอกจากนี้อันเดรอา ปิร์โลยังได้เป็นนักฟุตบอลทีมชาติอิตาลีและมีส่วนร่วมในการพาทีมให้ได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 หลังจากหมดสัญญากับสโมสรยูเวนตุสได้ไปค้าแข้งในเมเจอร์ลีกของประเทศสหรัฐอเมริกาให้กับทีมนิวยอร์กซิตี้เอฟซีเป็นเวลา 2 ปี

อันเดรอา ปิร์โลได้กล่าวไว้เมื่อครั้งที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมนักเตะรุ่นไม่เกิน 23 ปี ว่า ตัวเขาต้องการเป็นแบบเดียวกับที่เป๊ปกวาร์ดิโอล่าหัวหน้าทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้และซีเนอดีนซีดานผู้จัดการทีมเรอัลมาดริดที่เริ่มจากการเป็นโค้ชให้กับทีมสำรองก่อนที่ก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสร เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเอง และได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าเส้นทางที่กำลังเริ่มต้นนี้คือเส้นทางที่ใช่สำหรับตัวเขา

ส่วนทางด้านเมาริซิโอ ซาร์รี่ วัย 61 ปี ชาวอิตาเลี่ยนที่กลายเป็นอดีตโค้ชของสโมสรยูเวนตุสไปแล้วนั้น มีสัญญากับสโมสรเป็นเวลา 3 ปี สามารถพาทีมคว้าแชมป์กัลโซ่ซีรีย์อาร์ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่เขากลับพาทีมแข่งแพ้ไปถึง 3 ใน 4 นัด และทำคะแนนได้เพียง 1 แต้มจากการแข่งกับสโมสรอินเตอร์ มิลาน และสุดท้ายก็ยังไปแพ้ให้กับสโมสรนาโปลี ในการแข่งขันฟุตบอลโคปป้าอิตาเลีย รอบชิงชนะเลิศ ที่เริ่มเตะหลังจากต้องหยุดการแข่งขันไปเนื่องจากการระบาดของไวรัส   โควิด-19